นายศรัณย์ คุณะกูล ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิจัย เจแอลแอล เปิดเผยว่า คอนโด ในระดับลักชัวรี่ (ราคา 150,000-250,000 บาทต่อตารางเมตร) และซุปเปอร์ลักชัวรี่ (ราคาสูงกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นไป) เป็นตลาดระดับบนที่มีการขยายตัวสูง โดยในปี 2559 มีโครงการเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 6,995 ยูนิต (เป็นคอนโดซุปเปอร์ลักชัวรี่ 1,308 ยูนิต) ซึ่งเพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีการเปิดโครงการใหม่เพียง 1,015 ยูนิต และไม่มีโครงการระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่เปิดตัวใหม่เลย ยอดการขายเฉลี่ยรวมของโครงการเปิดตัวใหม่เริ่มชะลอลง

โดยในปี 2559 โครงการเปิดตัวใหม่ ในกลุ่มลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่มียอดการขายล่วงหน้าก่อนก่อสร้างเฉลี่ยรวม 57.6% เทียบกับปี 2557 ที่มียอดขายล่วงหน้า เฉลี่ยรวม 84.8% แม้ผู้ประกอบการบางรายจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาจับตลาดคอนโดระดับบน แต่ยังคงมีข้อควรระวังจากการแข่งขันที่เริ่มสูงขึ้นและยอดการขายล่วงหน้าที่ส่งสัญญาณการชะลอตัว ผู้ประกอบการต้องคอยจับตาดูจำนวนโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวเพิ่มขึ้นอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ โครงการที่จะ ประสบความสำเร็จต้องมีการออกแบบ ทำเล และจุดขายที่โดดเด่นอย่างชัดเจนกว่า โครงการอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด

"เชื่อว่า ความต้องการซื้อคอนโดมิเนียม ระดับลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่ ยังคงมีอยู่ ในระดับสูง แต่การมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ผู้ซื้อซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่มีฐานะ ใช้เวลาในการตัดสินเลือกนานขึ้น โครงการที่มีทำเลและการออกแบบที่เหนือกว่า จะมีโอกาสขายได้เร็วกว่า ตัวอย่างเช่น โครงการคราม(Kraam) คอนโดระดับ ซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่โดยนายณ์ เอสเตท ใกล้สถานีบีทีเอสพร้อมพงศ์ มียอดขายในช่วงเปิดโครงการสูงถึง 70%"

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า