พฤกษา ตั้งโฮลดิ้งรุกธุรกิจโรงพยาบาล ชี้ตลาดใหญ่มูลค่า 6 แสนล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น บริษัท พฤกษา โฮล ดิ้ง จำกัด (มหาชน) ธุรกิจแรกที่บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนคือ ธุรกิจ "โรงพยาบาล" โดยเลือกทำเลที่อยู่บนถนนสายหลักใจกลางเมือง (CBD) ใกล้ชุมชน เดินทางสะดวก ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวกเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ลูกค้าจะเลือกใช้บริการ นอกจากนี้ การเลือกที่ตั้งโรงพยาบาลจะคำนึงถึงภาระการลงทุนของบริษัทโดยจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 4,900 ล้านบาท เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) อีกทั้งตลาดของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (Health Care) มีขนาดใหญ่ โดยในแต่ละปีมีมูลค่าตลาดสูงถึงราวกว่า 600,000 ล้านบาท
โดยลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลวิมุตติ ซึ่งเป็นการลงทุนเริ่มธุรกิจใหม่ทั้งระบบ กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (Greeneld project) ด้วยเงินลงทุนประมาณ 4,500-4,900 ล้านบาท เพื่อจับกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง มีขนาดประมาณ 250 เตียง ตามมาตรฐานโรงพยาบาลแบบ JCI (Joint Commission International Accreditation) ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากลที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี
"โรงพยาบาลวิมุตติ ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนา คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563 ซึ่งจะบริหารงานโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจ โรงพยาบาลของประเทศไทย ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากลในราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้" นายทองมา กล่าว
ทั้งนี้ หากเทียบกับขนาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่รวมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดมีมูลค่าประมาณ 6 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อหักในส่วนการลงทุนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเหลือมูลค่าประมาณ 350,000 ล้านบาท ดังนั้นธุรกิจโรงพยาบาลจึงมีความน่าสนใจ ในการที่จะมาสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 52,900 ล้านบาท ยอดโอน 50,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 อยู่ที่ 19% และ 9% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2559 บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ 23,432 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 13,453 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย (Active Projects) รวม 174 โครงการ มูลค่า 89,470 ล้านบาทและในปี 2560นี้ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่รวม 72 โครงการ มูลค่ารวม 60,800 ล้านบาท โดยจะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลางล่าง และขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงศึกษาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ๆ อย่างต่อเนื่องอื่นๆ เพิ่มเติมอีก นอกเหนือจากธุรกิจโรงพยาบาลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ส่วนในปี 2559 บริษัทมียอดขาย สูงถึง 44,414 ล้านบาท เติบโต 4.8% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มียอดขาย 42,386 ล้านบาท ทำลายสถิติยอดขายสูงสุดของบริษัทในรอบ 23 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เนื่องจากมีการเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถทำรายได้รวม 46,920 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,940 ล้านบาท มีการเปิดโครงการใหม่รวม 69 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 50 โครงการ บ้านเดี่ยว 10 โครงการ คอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่ารวม 59,700 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 นี้ คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเติบโตได้ประมาณ 5% จากการลงทุนด้านโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐ โดยเฉพาะส่วนต่อขยายแนวรถไฟฟ้าที่เริ่มก่อสร้างไปแล้วหลายเส้นทาง ทำให้ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นายทองมา กล่าวในที่สุด
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ