ชี้มนต์ แอลทีวี ไม่ขลังพอ
วันที่ : 18 พฤศจิกายน 2564
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผย แบงก์เมินปล่อยกู้รายย่อย ทำให้ยอดปล่อยกู้ใหม่ของสินเชื่อบ้านในปีนี้ยังคงติดลบ 0.4% วงเงิน 609,763 ล้านบาท
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังปลดล็อกมาตรการแอลทีวี ว่า แม้การปลดล็อกแอลทีวีจะช่วยกำลังซื้อได้ระดับหนึ่ง แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังคงติดปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินอยู่ โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้ไม่สูง ซื้อบ้านระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ประสบปัญหากู้ไม่ผ่านมากถึง 50-70% ขณะที่กลุ่มที่ซื้อบ้าน 2-5 ล้านบาท จะติดปัญหากู้ไม่ผ่านอยู่ประมาณ 20%
"ผู้ประกอบการบางรายระบุว่า ขายบ้านได้ 3 หลังจะมีคนกู้ผ่านสัก 1 หลัง สาเหตุส่วนหนึ่งนอกจากธนาคารพาณิชย์ยังคงความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อแล้ว บางส่วนอาจมีการขอกู้เกินความสามารถในการผ่อนชำระได้ ทำให้ยอดปล่อยกู้ใหม่ของสินเชื่อบ้านในปีนี้ยังคงติดลบ 0.4% วงเงิน 609,763 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี ก็จะสามารถช่วยเปิดช่องให้กลุ่มนักลงทุนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยช่วงนี้ได้เพิ่ม เพราะยังสามารถกู้เงินได้เต็มวงเงิน 100%"
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ คาดว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไป แล้ว หลังรัฐบาลสามารถเปิดประเทศ และระดมฉีดวัคซีนได้ตามแผน รวมถึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคอสังหาฯ ออกมา ทำให้ศูนย์ปรับประมาณการตลาดที่อยู่อาศัยไปในทางที่ดีขึ้น จากเดิมปี 64 คาดจะมีโครงการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ 81,119 หน่วย เพิ่มเป็น 83,686 หน่วย และการซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์จากเดิมทั้งปี 64 อยู่ที่ 270,151 หน่วย ได้เพิ่มเป็นจำนวน 281,025 หน่วย
ส่วนจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือค้างสต๊อกในปี 64 จะอยู่ที่ 278,236 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1.19 ล้านล้านบาท ลดจากเดิมที่คาดว่าจะค้างสต๊อก 292,800 หน่วย มูลค่า 1.25 ล้านล้านบาท ที่สำคัญยังประเมินว่าธุรกิจอสังหาฯ จะฟื้นตัวกลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น จากเดิมในปี 68 มาเป็นปี 66 หรือใน 2 ปีข้างหน้าเท่านั้น ซึ่งจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากกว่า 200,000 หน่วย
นายวิชัย กล่าวว่า แม้ภาคอสังหาฯ จะมีการฟื้นตัวชัดเจนในปีหน้า แต่ผู้ประกอบการมองว่ารัฐบาลยังมีความจำเป็นที่จะขยายมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ต่ออีกตลอดปี 65 เช่น การขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และการจดจำนองเหลือ 0.01% ที่จะหมดในปลายปีนี้ต่อไปถึงสิ้นปีหน้า รวมถึงขยายเพดานราคาบ้านที่ได้รับสิทธิจากไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปถึง 5 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมจำนวนบ้านที่มีอยู่ 80% ในท้องตลาด ตลอดจนเปิดทางให้บ้านมือสองเข้าร่วมมาตรการได้ด้วย เพราะจะช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนจากการขายบ้านเก่ามาซื้อบ้านใหม่ได้
สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปี 65 ยังเป็นเรื่องของการขาดแคลนแรงงานต่างชาติ ซึ่งขณะนี้จำนวนแรงงานต่างชาติหายไปจากระบบประมาณ 50% ขณะที่ราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะเหล็กมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 30-40% ซึ่งกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และการส่งมอบโครงการอาจล่าช้าได้ แต่มองว่าผู้ประกอบการยังจะไม่ปรับขึ้นราคาที่อยู่อาศัยแบบรุนแรง แต่จะค่อยปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือหันไปลดโปรโมชั่น ของแจกของแถมลง เพื่อลดต้นทุนทางการตลาด ขณะเดียวกันจะไม่ให้กระทบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มฟื้นกลับมาด้วย
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ